ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิม ปัจจัยสำคัญที่มักถูกจับตามองเป็นพิเศษคือ “น้ำตาล” เพราะการบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงมองหาสารทดแทนความหวานที่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งมีอยู่หลายชนิดในท้องตลาด แต่หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันดีคือ “Steviol Glycosides” หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อ “สตีเวีย” สารให้ความหวานจากธรรมชาติที่สกัดมาจากหญ้าหวานนั่นเอง
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโลกของสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Steviol Glycosides ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างเข้าใจและปลอดภัย พร้อมไขข้อข้องใจว่าสารให้ความหวานเหล่านี้มีประโยชน์และข้อควรระวังอย่างไรบ้าง
น้ำตาลเทียมทางเลือกเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือที่มักเรียกว่า “น้ำตาลเทียม” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลดปริมาณน้ำตาลในอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่โรคต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทำความเข้าใจคือ น้ำตาลเทียมเป็นเพียง “ตัวเลือก” ที่ช่วยลดการใช้น้ำตาล ไม่ใช่ “ผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลสุขภาพ” โดยตรง
นั่นหมายความว่า การบริโภคน้ำตาลเทียมไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังดูแลสุขภาพอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อให้ได้รับน้ำตาลน้อยลงเท่านั้น การรักษาสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริงยังคงต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอ การพึ่งพาน้ำตาลเทียมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอและอาจทำให้ละเลยพฤติกรรมสุขภาพอื่นๆ ที่สำคัญไปได้
ชนิดของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล
สารให้ความหวานแทนน้ำตาลมีหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ ความหวาน และข้อจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างกันไป ลองมาทำความรู้จักกับสารให้ความหวานยอดนิยมเหล่านี้กัน:

ขัณฑสกร (Saccharin)
เป็นสารให้ความหวานที่มีมานาน ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 200-500 เท่า มีรสขมติดปลายลิ้นเล็กน้อยหากใช้ในปริมาณมาก มักใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหารบางชนิด
ไซคลาเมต (Cyclamate)
แม้จะเคยเป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยได้ประกาศห้ามนำเข้าและห้ามใช้ในอาหารทุกชนิดแล้ว เนื่องจากมีงานวิจัยบางชิ้นที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
แอสพาร์แทม (Aspartame)
ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลประมาณ 200 เท่า เป็นที่นิยมใช้ในเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล หมากฝรั่ง และผลิตภัณฑ์นมหมัก แต่มีข้อจำกัดคือไม่ทนความร้อนสูง จึงไม่เหมาะกับการนำไปประกอบอาหารที่ต้องใช้ความร้อนเป็นเวลานาน
ซูคราโลส (Sucralose)
ให้ความหวานสูงถึง 600 เท่าของน้ำตาล มีจุดเด่นคือทนความร้อนสูงมาก จึงสามารถใช้ได้ในอาหารทั่วไป รวมถึงอาหารที่ต้องผ่านกระบวนการปรุงด้วยความร้อนสูง นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายประเภท
อะซิซัลเฟม เค (Acesulfame K)
ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลประมาณ 200 เท่า สามารถใช้ในอาหารทั่วไปได้ยกเว้นเนื้อสัตว์ มีความเสถียรต่อความร้อนสูง มักใช้ร่วมกับสารให้ความหวานชนิดอื่นเพื่อปรับปรุงรสชาติ
นีโอเทม (Neotame)
จัดเป็นสารให้ความหวานที่เข้มข้นมาก ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 7,000 เท่า มีความเสถียรต่อความร้อนสูง จึงนิยมใช้ในการแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม
แอดแวนเทม (Advantame)
เป็นสารให้ความหวานที่เข้มข้นที่สุดในกลุ่มนี้ โดยให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 20,000 เท่า สามารถใช้ในอาหารได้ทั่วไป มีความเสถียรสูง
สารสกัดจากหญ้าหวาน (Steviol Glycosides)
หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สตีเวีย” ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200-400 เท่า เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่สกัดจากพืชหญ้าหวาน สามารถใช้ได้ในอาหารทั่วไป และเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการลดน้ำตาลและหลีกเลี่ยงสารเคมีสังเคราะห์
หล่อฮังก๊วย (Luo han guo)
สารสกัดจากผลหล่อฮังก๊วย ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 100-400 เท่า สามารถใช้ในอาหารและเครื่องดื่มได้หลากหลาย และมักใช้ร่วมกับสารให้ความหวานชนิดอื่นๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม
Steviol Glycosides หรือ Stevia คืออะไร?
สตีวิออลไกลโคไซด์ (Steviol Glycosides) คือสารให้ความหวานที่สกัดได้จากใบของพืชหญ้าหวาน (Stevia rebaudiana Bertoni) ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองในอเมริกาใต้ สารสกัดกลุ่มนี้เป็นสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน (Non-nutritive sweetener) หมายถึงให้รสหวานแต่ไม่มีแคลอรี่หรือคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้
กระบวนการสกัดจะแยกสารประกอบหลักๆ ที่ให้ความหวานออกมา ซึ่งในกลุ่ม Steviol Glycosides มีสารประกอบย่อยๆ หลายชนิด เช่น Stevioside และ Rebaudioside A (Reb A) ซึ่งเป็นตัวที่ให้ความหวานหลัก โดย Reb A มักถูกเลือกใช้บ่อยกว่าเนื่องจากให้รสหวานที่กลมกล่อมและมีรสขมติดลิ้นน้อยกว่า Stevioside
เมื่อเปรียบเทียบกับสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงานชนิดอื่นๆ เช่น ซูคราโลส แอสปาร์แทม อะซิซัลเฟม-เค และแซคคารีน
สตีเวียโดดเด่นตรงที่เป็นสารจากธรรมชาติ ต่างจากสารเหล่านั้นที่มักเป็นสารสังเคราะห์ ด้วยความสามารถในการให้ความหวานที่สูงกว่าน้ำตาลกลูโคสถึง 200-400 เท่า และคุณสมบัติที่ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด จึงทำให้สตีเวียเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
สรรพคุณของ Steviol glycosides
สตีวิออลไกลโคไซด์ หรือ สตีเวีย มีคุณสมบัติเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการทดแทนน้ำตาล:

แคลอรี่ต่ำ
เนื่องจากสตีเวียเป็นสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน มันจึงไม่มีคาร์โบไฮเดรตและแคลอรี่ เมื่อคุณใช้สตีเวียแทนน้ำตาลปกติ ตัวอย่างเช่น การแทนน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 12 กรัม ซึ่งให้พลังงานราว 45 แคลอรี่) ด้วยสตีเวีย คุณจะสามารถลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับลงได้อย่างมาก สิ่งนี้มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เพราะเมื่อร่างกายได้รับแคลอรี่น้อยลง ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาลส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม การควบคุมปริมาณน้ำตาลและสารให้ความหวานโดยรวมก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ และควรเลือกแหล่งที่มาจากธรรมชาติหากเป็นไปได้
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล
นี่คือจุดเด่นที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยคุณสมบัติที่สตีเวียไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ระดับกลูโคส และระดับอินซูลินในร่างกาย สตีเวียจึงเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่จำเป็นต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลอย่างเข้มงวด การศึกษาหลายชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากหญ้าหวานมีส่วนช่วยในการลดค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ของอาหาร ซึ่งหมายความว่าการบริโภคสตีเวียจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การจัดการโรคเบาหวานง่ายขึ้น
อัตราการแพ้ต่ำ
หนึ่งในข้อดีที่ทำให้สตีเวียได้รับการยอมรับคือมีอัตราการก่อให้เกิดอาการแพ้ต่ำมาก หรือแทบไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เมื่อนำมาประกอบอาหารหรือบริโภค นั่นเป็นเพราะสตีวิออลไกลโคไซด์ไม่ได้ทำปฏิกิริยาเคมีภายในร่างกายและไม่ถูกเผาผลาญเป็นสารประกอบที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ จึงปลอดภัยสำหรับผู้ที่อาจมีอาการแพ้น้ำตาลหรือสารประกอบบางชนิด
เลือกใช้ Steviol Glycosides อย่างปลอดภัย
แม้ว่าสตีเวียจะเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติและมีประโยชน์หลายประการ แต่การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ การใช้มากเกินไปอาจก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน ดังนั้น เพื่อให้คุณสามารถบริโภคสตีเวียได้อย่างปลอดภัย เรามีคำแนะนำดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการบริโภคหญ้าหวานดิบ: หญ้าหวานดิบในรูปของใบสดหรือใบแห้งที่ยังไม่ผ่านกระบวนการสกัด อาจมีอันตรายต่อระบบสืบพันธุ์ และอาจทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงจนเกินไปได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สตีเวียที่ผ่านการสกัดและรับรองความปลอดภัยแล้วเท่านั้น
- สตรีมีครรภ์ หรือ คุณแม่ให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้: เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลการวิจัยที่เพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบของสตีเวียต่อทารกในครรภ์หรือเด็กที่ดื่มนมแม่ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้งาน
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต และโรคความดันโลหิต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้: สตีเวียอาจมีผลต่อระดับความดันโลหิตและระบบการทำงานของไตในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้อยู่แล้ว การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการบริโภคสตีเวียจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือยาที่กำลังรับประทานอยู่
- ผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้ต่อแร็กวีด (Ragweed) หรือหญ้าในสกุลเดียวกันต้องระมัดระวังในการใช้: แม้จะมีโอกาสน้อยมาก แต่ในบางรายที่แพ้พืชในตระกูล Asteraceae (วงศ์ทานตะวัน) ซึ่งรวมถึงแร็กวีดและหญ้าหวาน อาจเกิดอาการแพ้ข้ามกลุ่มได้ จึงควรทดลองในปริมาณน้อยก่อน หรือปรึกษาแพทย์หากมีข้อกังวล