เมื่อผู้หญิงก้าวเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เรียกว่า “วัยทอง” หรือ “Menopause” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การทำงานของรังไข่ลดลงและหยุดผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์มากมาย วัยทองมักจะมาเยือนผู้หญิงในช่วงอายุประมาณ 35-45 ปีเป็นต้นไป โดยมีทั้งอาการที่พบได้ทั่วไปจนเป็นที่คุ้นเคย และอาการ “แปลกๆ” ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าเกี่ยวข้องกับวัยทอง บทความนี้จึงมุ่งหวังที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับอาการวัยทองที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนสามารถเข้าใจและเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัยทองหรือ menopause คือ
วัยทองคือช่วงเวลาที่รังไข่ของผู้หญิงหยุดทำงานและยุติการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่มีผลต่อระบบสืบพันธุ์และการทำงานของร่างกายหลายส่วน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเหล่านี้ทำให้เกิดอาการและภาวะต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ
วัยใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause)
เป็นช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมักจะเริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 35 ปีขึ้นไป ในระยะนี้รังไข่จะเริ่มทำงานผิดปกติ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มผันผวน ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ อาจมีอาการร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง และอารมณ์แปรปรวนปรากฏขึ้นบ้าง
วัยหมดประจำเดือน (Menopause)
ถือเป็นการเข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์เมื่อประจำเดือนขาดหายไปติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่มีสาเหตุอื่นใด ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างมาก รังไข่จะหยุดผลิตฮอร์โมนเกือบทั้งหมด อาการที่เคยเกิดขึ้นในช่วง Perimenopause ก็จะยังคงอยู่และอาจรุนแรงขึ้น
วัยหลังหมดประจำเดือน (Postmenopause)
เป็นช่วงชีวิตที่ผู้หญิงผ่านพ้นวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว โดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 45 ปีขึ้นไป ในระยะนี้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะอยู่ในระดับต่ำมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงภาวะกระดูกพรุน
อาการวัยทองในผู้หญิง
หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าวัยทองนั้นนอกจากจะเกิดขึ้นในผู้หญิงวัย 40-49 ปีขึ้นไปได้แล้วนั้น ยังสามารถเกิดกับผู้ชายได้ด้วย ซึ่งจะเกิดขึ้นช้ากว่านั้นก็คือช่วงอายุ 50-55 ปีได้อีกด้วย ซึ่งอาการวัยทองที่สามารถสังเกตและพบเจอได้บ่อยมีดังต่อไปนี้

ช่องคลอดแห้ง
การขาดสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดบางลงและผลิตเมือกหล่อลื่นได้น้อยลง ทำให้เกิดอาการแห้ง ระคายเคือง คัน และเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์
ร้อนวูบวาบ (Hot Flashes)
เป็นอาการที่โดดเด่นของวัยทอง เกิดจากการที่สมองส่วนที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายทำงานผิดเพี้ยนไป เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ผู้หญิงจะรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะที่ใบหน้า คอ และหน้าอก อาจมีเหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน จนรบกวนการนอนหลับ
อารมณ์แปรปรวน
ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้เมื่อระดับฮอร์โมนผันผวนหรือลดลง ผู้หญิงจึงมีแนวโน้มที่จะหงุดหงิดง่าย เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า หรืออารมณ์เสียโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
8 อาการวัยทองแปลกๆ ที่พบเจอได้
นอกเหนือจากอาการที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีอาการแปลกๆ อีกหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับผู้หญิงวัยทอง ซึ่งบางครั้งอาจทำให้สับสนและไม่ทราบว่าสิ่งเหล่านี้คือสัญญาณของวัยทอง
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
อาการนี้เป็นผลมาจากการที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงลง และผนังทางเดินปัสสาวะบางลงและแห้ง ส่งผลให้ควบคุมการปัสสาวะได้ยากขึ้น อาจมีอาการปัสสาวะเล็ดเมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือออกกำลังกาย
ผิวหนังบาง แห้ง ขาดความยืดหยุ่น
ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทสำคัญในการผลิตคอลลาเจนและรักษาความชุ่มชื้นของผิว เมื่อฮอร์โมนลดลง ผิวหนังจึงเริ่มบางลง แห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น และอาจมีอาการคันตามผิวหนัง
ภาวะกระดูกพรุน
เอสโตรเจนมีส่วนช่วยในการสร้างและรักษามวลกระดูก เมื่อระดับฮอร์โมนลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน ผู้หญิงจะมีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างมาก ทำให้กระดูกเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย
อาการมึนหัว บ้านหมุน
การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและยืดหยุ่นน้อยลง เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการมึนหัว เวียนศีรษะ หรือบ้านหมุนบ่อยครั้ง
โรคหัวใจและหลอดเลือด
ฮอร์โมนเอสโตรเจนช่วยรักษาระดับไขมันในเลือดที่ดีต่อสุขภาพ เมื่อฮอร์โมนลดลง ระดับไขมัน LDL (ไขมันไม่ดี) จะเพิ่มขึ้น และไขมัน HDL (ไขมันดี) ลดลง ทำให้ไขมันสะสมตามผนังหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
หลงลืมง่าย จนถึงภาวะสมองเสื่อม
เอสโตรเจนมีอิทธิพลต่อการทำงานของสมองและสารสื่อประสาทหลายชนิด การลดลงของฮอร์โมนนี้อาจส่งผลให้ความสามารถในการจดจำลดลง หลงลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และในบางรายอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในระยะยาว
ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานลดลง
เมื่อเข้าสู่วัยทอง ระบบเผาผลาญพื้นฐานของร่างกายจะทำงานช้าลง ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง แม้จะรับประทานอาหารเท่าเดิมก็มีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการสะสมไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
นอนหลับยาก (Insomnia)
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนส่งผลต่อสารสื่อประสาทที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้ผู้หญิงวัยทองหลายคนประสบปัญหาในการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นการหลับยาก หลับไม่สนิท หรือตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง ซึ่งยิ่งทำให้อาการอื่นๆ แย่ลง

วิธีสังเกตตัวเองเบื้องต้นสำหรับผู้หญิงวัยทอง
การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยบรรเทาอาการวัยทองและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- การรับประทานอาหาร:
เน้นรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและควบคุมน้ำหนัก เลือกอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นมพร่องมันเนย โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย เพื่อบำรุงกระดูก ลดอาหารไขมันสูงและหลีกเลี่ยงโปรตีนสูงเกินไปซึ่งอาจส่งผลต่อการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย - การออกกำลังกาย:
ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง สัปดาห์ละ 3 วันขึ้นไป การออกกำลังกายแบบมีแรงกระแทกปานกลาง เช่น การเดินเร็ว เทนนิส หรือแอโรบิค จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดและปรับอารมณ์
- การจัดการอารมณ์:
พยายามมองโลกในแง่บวก ฝึกสมาธิ โยคะ หรือหางานอดิเรก กิจกรรมที่ทำให้มีความสุขและผ่อนคลาย เพื่อช่วยลดความเครียดและความผันผวนทางอารมณ์ หากมีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ - การพักผ่อน:
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู ซ่อมแซมตัวเอง และช่วยให้อารมณ์คงที่ สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสมกับการนอนหลับ
บรรเทาอาการวัยทองด้วยสารสกัดจากธรรมชาติใน Briina
Briina เป็นผลิตภัณฑ์ที่รวบรวมสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในการช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน และบรรเทาอาการต่างๆ ของวัยทองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาการร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง อารมณ์แปรปรวน หรือปัญหาการนอนหลับ
สารสกัดสำคัญใน Briina ได้แก่:
- ซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn): อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไขมันดี ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้เยื่อบุต่างๆ รวมถึงช่องคลอด
- เมล็ดลูกซัด (Fenugreek): มีสารไฟโตเอสโตรเจนที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน บรรเทาอาการร้อนวูบวาบ และลดอาการผิดปกติอื่นๆ ของวัยทอง
- ตังกุย (Dong Quai): สมุนไพรจีนที่รู้จักกันดีในการช่วยบำรุงเลือด ปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง และลดอาการปวดประจำเดือน รวมถึงอาการวัยทอง
- ถั่วเหลือง (Soy): เป็นแหล่งของไอโซฟลาโวน ซึ่งเป็นไฟโตเอสโตรเจนที่ช่วยเลียนแบบการทำงานของเอสโตรเจนในร่างกาย บรรเทาอาการวัยทองได้หลายชนิด
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติ เช่น Briina สามารถเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อให้ผู้หญิงวัยทองสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและสบายตัวยิ่งขึ้น
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม
วัยทองเป็นช่วงชีวิตที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญหน้า ซึ่งมีอาการแสดงออกที่หลากหลาย ทั้งที่คุ้นเคยและอาการแปลกๆ ที่อาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน การทำความเข้าใจอาการเหล่านี้อย่างถ่องแท้ จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นใจและมีสติ สิ่งสำคัญที่สุดคือการใส่ใจสังเกตอาการของตนเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม และไม่ลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและแนวทางในการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง ขอให้ผู้หญิงทุกคนก้าวผ่านช่วงวัยทองนี้ไปได้อย่างมีความสุขและมีสุขภาพที่แข็งแรง