สุขภาพดี ไม่มีน้ำตาล เลือกใช้สารให้ความหวานทดแทนให้ปลอดภัย

sweeteners

ในยุคปัจจุบันที่วิถีชีวิตเร่งรีบ การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณมากกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันสำหรับหลายคน โดยหารู้ไม่ว่าพฤติกรรมนี้กำลังนำพาความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือแม้แต่โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมหาศาล ปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้คนหันมามองหาทางเลือกอื่นเพื่อลดการบริโภคน้ำตาล หนึ่งในทางออกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล ซึ่งเข้ามาเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการลดน้ำตาลแต่ยังคงได้รับรสชาติความหวานที่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้สารให้ความหวานทดแทนเหล่านี้อย่างถูกต้องและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ทำความรู้จักสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อมอบรสชาติความหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่ม โดยปราศจากแคลอรี่หรือมีแคลอรี่น้อยกว่าน้ำตาลทรายมาก และไม่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด นี่คือกลไกสำคัญที่ทำให้สารเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเข้มงวด รวมถึงผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน เพราะสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติหวานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณน้ำตาลและพลังงานที่จะได้รับ

ประเภทของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

ประเภทของสารให้ความหวาน

สารให้ความหวานที่ให้พลังงาน

สารให้ความหวานประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นสารให้ความหวานที่มาจากธรรมชาติ มักอยู่ในกลุ่มของน้ำตาลแอลกอฮอล์ (Sugar Alcohol) ซึ่งแม้จะให้รสหวานและให้พลังงาน แต่ก็ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป เช่น ฟรุกโตส (Fructose), ซอร์บิทอล (Sorbitol), ไซลิทอล (Xylitol) และอิริทริทอล (Erythritol) นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างเช่น น้ำตาลจากหล่อฮังก้วย ซึ่งเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรระวังคือ สารให้ความหวานกลุ่มนี้บางชนิดยังคงมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้บ้าง จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลอย่างเคร่งครัด ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนการใช้งาน

สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน

สารให้ความหวานประเภทนี้คือสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อให้ความหวาน โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ ให้ความหวานที่สูงกว่าน้ำตาลทรายหลายร้อยหรือหลายพันเท่า แต่ไม่ให้พลังงาน หรือให้พลังงานในปริมาณที่น้อยมากจนถือว่าไม่มีนัยสำคัญต่อร่างกาย สารในกลุ่มนี้มีโครงสร้างทางเคมีที่หลากหลาย ทำให้มีลักษณะการใช้งานและผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับสารเหล่านี้ในหัวข้อถัดไป

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่มีความปลอดภัย

สารเหล่านี้ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารและยาหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงองค์กรอนามัยโลก (WHO) ว่าปลอดภัยสำหรับการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม

แอสปาร์แตม (Aspartame)

  • แอสปาร์แตมเป็นสารให้ความหวานที่มีรสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายมากที่สุด จึงเป็นที่นิยมใช้ในเครื่องดื่มและอาหารหลากหลายชนิด
  • โครงสร้างประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 ชนิด คือ ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) และกรดแอสปาร์ติก (Aspartic Acid)
  • ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 200 เท่า
  • ข้อจำกัดที่สำคัญคือ แอสปาร์แตมไม่ทนต่อความร้อนสูง จึงไม่เหมาะกับการใช้ในการปรุงอาหารที่ต้องผ่านความร้อนเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะฟีนิลคีโตนยูเรีย (Phenylketonuria: PKU) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถเผาผลาญกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีนได้ ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคแอสปาร์แตมโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสมอง

สตีเวีย (Stevia)

  • สตีเวีย หรือหญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานที่สกัดได้จากธรรมชาติจากต้นหญ้าหวาน (Stevia rebaudiana)
  • ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายสูงถึง 300 เท่า
  • มีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ ทนความร้อนสูง ไม่ถูกย่อยสลายในร่างกาย ไม่ถูกดูดซึม และให้พลังงานเพียง 0-3 แคลอรี่ต่อหน่วยการบริโภค
  • ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้สตีเวียเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลและแคลอรี่

ซูคาโรส (Sucralose)

  • ซูคาโรสมีรสชาติที่ใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายเป็นอย่างมาก ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยม
  • มีความโดดเด่นในเรื่องความทนทานต่อความร้อนสูง จึงสามารถนำไปใช้ในการปรุงอาหาร การอบ และการทำขนมได้หลากหลาย
  • นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น ผลไม้กระป๋อง เยลลี่ โยเกิร์ต และเครื่องดื่มต่างๆ
  • คุณสมบัติเฉพาะตัวคือ ไม่ดูดซับความชื้น และไม่มีรสขมติดลิ้น
  • อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังบางประการ เนื่องจากซูคาโรสมีส่วนผสมของคลอไรด์ ซึ่งการบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปหรือเป็นระยะเวลานาน อาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะไทรอยด์ต่ำได้ในบางราย ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่มีความอันตราย

ซัยคลาเมต (Cyclamate)

  • ซัยคลาเมตเป็นสารให้ความหวานที่ให้ความหวานประมาณ 30 เท่าของน้ำตาลซูโครส
  • แต่ปัจจุบันสารนี้ถูกห้ามใช้ในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2522
  • เหตุผลในการห้ามใช้คือ มีการค้นพบจากการศึกษาในสัตว์ทดลองว่าซัยคลาเมตอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ จึงถูกจัดว่าเป็นสารที่ไม่ปลอดภัยต่อการบริโภคของมนุษย์

แซคคารีน (Saccharin)

  • แซคคารีน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ขัณฑสกร” เป็นสารให้ความหวานอีกชนิดหนึ่งที่ทนต่อความร้อนสูง
  • ในอดีตเคยถูกยกเลิกการใช้ในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีผลการศึกษาที่พบว่าก่อให้เกิดมะเร็งในหนูทดลอง
  • แต่ในปัจจุบัน มีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียดและพบว่ากลไกที่ทำให้เกิดมะเร็งในหนูทดลองนั้นแตกต่างจากในมนุษย์ และไม่พบหลักฐานยืนยันว่าแซคคารีนเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์
  • ด้วยเหตุนี้ องค์การอาหารและยาของไทย (อย.) จึงอนุญาตให้ใช้แซคคารีนในอาหารวัตถุประสงค์พิเศษบางชนิดได้ แต่ยังคงต้องมีการควบคุมปริมาณการใช้

ใช้สารให้ความหวานให้พอดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

แม้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลจะเป็นทางเลือกที่ดีในการลดการบริโภคน้ำตาล แต่สิ่งสำคัญคือการใช้สารเหล่านี้อย่างถูกต้องและเหมาะสม การเลือกใช้ตามประเภทและคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการหลีกเลี่ยงการใช้เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ สารให้ความหวานเป็นเพียงตัวช่วยส่วนหนึ่งเท่านั้น การดูแลสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนยังคงต้องอาศัยการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล ควบคู่ไปกับการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก

Sale!

กาแฟเพื่อสุขภาพ Briina

สำหรับผู้ที่มองหาทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ปราศจากน้ำตาล เราขอแนะนำ Briina Mix Coffee กาแฟเพื่อสุขภาพที่คิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดปริมาณน้ำตาลแต่ยังคงได้รับรสชาติกาแฟที่หอมอร่อยลงตัว

  • Briina Mix Coffee เป็นกาแฟที่ไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลัก โดยใช้สารให้ความหวานที่ปลอดภัยแทน
  • อุดมไปด้วยส่วนประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ กาแฟอาราบิก้าแท้, ลูทีนที่ช่วยบำรุงสายตา, แคลเซียมแอลทีโอเนตเพื่อกระดูกและข้อ, เบต้า-กลูแคนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, โคเอมไซน์คิวเทนเพื่อพลังงานและหัวใจ และน้ำมันรำข้าวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ Briina Mix Coffee เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง และผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพโดยรวม ให้คุณได้เพลิดเพลินกับกาแฟแก้วโปรดได้อย่างสบายใจ ไร้กังวลเรื่องน้ำตาล

สุขภาพที่ดีมาจากการเลือกสรร

การมีสุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้จากการเลือกสรรสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลแต่ละชนิด ทั้งข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัด จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเลือกใช้ได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว การตัดสินใจเลือกอย่างมีข้อมูลและมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเอง เป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพอย่างแท้จริง

btn_shopee
btn_line